ชื่อวิทยาศาสตร์ | - |
วงศ์ | PUNICACEAE |
ชื่ออื่น ๆ | พิลา (หนองคาย) พิลาขาว มะก่องแก้ว (น่าน) มะเก๊าะ (ภาคเหนือ) |
ลักษณะของพืช | เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 0.5–5 เมตร กิ่งอ่อน ๆ มักเป็นสี่เหลี่ยมแต่พอแก่จะมน ปลายกิ่งมักมีหนามแหลม ใบมักติดกับลำต้นแบบตรงข้ามเป็นคู่ ใบมีรูปแบบขนานหรือยาวเรียวแคบ ปลายใบและโคนใบอาจมนหรือแหลมก็ได้ ขอบใบเรียบ ผิวเป็นมัน ใบมีขนาดกว้าง 0.5–2.5 ซม. ยาว 1–5 ซม. ดอกออกทั้งเดี่ยวหรือเป็นช่อ 2–5 ดอกก็ได้ ดอกมีทั้งสีขาว สีแดง และแดงส้ม ผลกลมใหญ่ขนาด 5–12 ซม. มีหลายสีทั้งสีเขียวอมเหลืองไปจนถึงสีน้ำตาลแดง ภายในมีเมล็ดมาก รูปร่างเป็นเหลี่ยมมน ๆ อัดกันแน่นเต็มผล เมล็ดมีทั้งชนิดสีแดง ชมพู และสีเหลืองซีด |
ส่วนที่ใช้เป็นยา | เปลือกผลแห้ง และเปลือกลำต้นหรือเปลือกราก |
สรรพคุณและวิธีใช้ |
|
การขยายพันธุ์ | ใช้เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ที่นิยมคือวิธีเพาะเมล็ด |
สภาพดินฟ้าอากาศ | ปลูกได้ในดินทั่วไป แต่ชอบดินเหนียวปนหิน และชอบอยู่ใกล้แหล่งน้ำต้องการแสงแดดมาก ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือ ต้นฤดูฝน |
การปลูก | เตรียมดิน โดยยกร่องสูง 50 ซม. ระหว่างร่องห่างกัน 1 เมตร บนคันดินที่ยกไว้ขุดหลุมเป็นแถวห่างกันหลุมละ 1 เมตร กว้าง ยาวและลึกด้านละ 30 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกคลุกเคล้าดินรองก้นหลุม นำต้นกล้าลงปลูกหลุมละ 1 ต้น กลบดินให้แน่นรดน้ำให้ชุ่ม |
การบำรุงรักษา | เมื่อต้นอ่อนควรรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยคอกพอควร อายุ 6 เดือนทับทิมจะแตกพุ่มโดยรอบ อย่าให้ร่มเงาไม้ใหญ่บัง เพราะต้นจะแคระแกรน และไม่ออกดอก ออกผลเลย ฉีดยาป้องกันเพลี้ยไฟ และด้วงในระยะที่ต้นแตกพุ่ม ครั้นเมื่อต้นแก่ควรตัดกิ่งแก่ทิ้ง หรือปลูกแซมต้นเก่าบ้างก็ได้ |
การดูแลช่วยเหลือนักเรียน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น